สไตล์การตกแต่งที่อยู่อาศัย สามารถสะท้อนตัวตนและความต้องการในการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี เราจะเห็นว่าการตกแต่งที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะในรูปแบบของบ้านหรือคอนโดก็ตามซึ่งจะใช้จุดเด่นของสไตล์การตกแต่งเหล่านี้มาเป็นคอนเซ็ปต์หลักในการส่งเสริมการขาย นอกจากนี้จากสถานการณ์ปัจจุบัน โรคระบาดทำให้วิถีชีวิตของคนยุคใหม่เปลี่ยน ไปเกิด New Normal รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Everything At Home” ทุกคนเริ่มเคยชินกับการอาศัยอยู่ในบ้าน ทำงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในที่พักอาศัยของตนเอง ส่งผลต่อความต้องการที่พักอาศัยที่อาจจะเปลี่ยนไป โดยต้องการพื้นที่ใช้สอยที่สามารถทำอะไรได้หลายหลากมากยิ่งขึ้น
ในปัจจุบันแต่ละโครงการต่างก็มีสไตล์การตกแต่งที่แตกต่างกันออกไป ให้สามารตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน หนึ่งในสไตล์การออกแบบยอดนิยม คือ “โมเดิร์นคลาสสิค” ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความหรูหรา ความเรียบง่าย และความทันสมัยเข้าไว้ด้วยกัน ให้พื้นที่การใช้สอยที่มากขึ้น เพดานสูงโปร่ง ให้ความรู้สึกโล่งสบาย ทั้งยังประยุกต์ของตกแต่งและลวดลายต่าง ๆ ให้ออกมาสวยงามและดูหรูหราที่สุด
แล้วคุณคิดว่าคอนโดหรูที่มีความโมเดิร์นนิด ๆ คลาสสิคหน่อย ๆ จะต้องซื้อในราคาเท่าไหร่? 10ล้าน 50 ล้าน 70ล้าน หรือ 100ล้าน? เราจำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนั้นเลยหรือเปล่านะ? หลายคนคงคิดว่าการตกแต่งคอนโดสไตล์นี้น่าจะมีราคาแพง จับต้องไม่ได้ หรืออาจไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน แต่จริง ๆ แล้วการตกแต่งสไตล์นี้ไม่ได้มีราคาแพง หรือไม่เหมาะกับการใช้งานอย่างที่คุณคิด
วันนี้ขอมาแนะนำคอนโดหรู MODERN CLASSIC STYLE ย่านรามคำแหง คอนโดแห่งใหม่ที่เรียกได้ว่าสวยสดงดงามและวิวดีที่สุดในย่านนี้เลยที่ KNIGHTSBRIDGE COLLAGE RAMKHAMHAENG นอกจากการตกแต่งหรูหรา ได้กลิ่นอายของประเทศอังกฤษแล้ว ผสมผสานระหว่าง Time, Taste, Emotions และ Lifestyle ได้อย่างลงตัว ทำให้ทุกตารางเมตรของโครงการเต็มเปี่ยมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่คุณสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ
1. คอนโดหรูสไตล์อังกฤษ มาเด่นตั้งแต่หน้าโครงการ
ต้อนรับการเข้าสู่การใช้ชีวิตในโครงการ KNIGHTSBRIDGE COLLAGE RAMKHAMHAENG ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง 42 ใกล้แยกลำสาลี ชีวิตง่ายเดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้า เพียง 100 เมตรสามารถเดินถึงMRTสายสีส้ม-สถานีหัวหมาก จากหน้าโครงการเข้ามาแล้วเราจะสัมผัสได้ถึงการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค ตัวอาคารนั้นตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายสไตล์อังกฤษอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ตัวเปลือกอาคาร (Facade) ที่ยื่นออกมาในแต่ละด้านของชั้นพักอาศัยยังช่วยบังแดดที่ส่องเข้ามาภายในตัวอาคารอีกด้วย
2. Warm Welcome พื้นที่รับแขกสุดอบอุ่น
พร้อมต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียนอย่างอบอุ่น (warm welcome) ดีไซน์ให้มีความเป็นส่วนตัวสูง พร้อมด้วย Duoble Volume Lobby เน้นกระจกทรงสูง จัดชุดโซฟาสวยหรูไว้ในแต่ละโซน และตกแต่งสไตล์วินเทจ ใช้สีขาวเป็นโทนสีหลัก ให้ความรู้สึกสบายตา นั่งได้นานโดยไม่รู้สึกเบื่อ
3. Co-working & Living Space พื้นที่ทำงานรายล้อมด้วยธรรมชาติสีเขียว
มาต่อกันที่ Co-working & Living Space พื้นที่ทำงานสุดพิเศษขนาดกว่า 200 ตร.ม. มีที่นั่งทำงานทั้งด้านในและด้านนอก ด้านนอกมีมุมนั่งเล่นสุดเก๋ ห้อมล้อมด้วยต้นไม้สีเขียว พร้อมลมอ่อน ๆ ให้บรรยากาศราวกับกำลังนั่งอยู่ใน Hyde Park ใจกลางกรุงลอนดอนเลยก็ว่าได้ ส่วนภายในห้องมีฝ้าเพดานสูง กระจกบานใหญ่มองเห็นสวนภายนอกได้อย่างชัดเจน ตกแต่งพื้นผนังให้ออกมาเป็นงานศิลปะที่เรียกว่า Collage Art ได้อย่างน่าทึ่ง ตัวเพดานด้านบนยังมีการนำเหล็กสีเข้มมาใช้ในการตกแต่ง สะท้อนถึงกลิ่นอายความคลาสสิกในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมของอังกฤษ พร้อมการจัดชุดเฟอร์นิเจอร์ทั้งโต๊ะเก้าอี้แบบนั่งคุยกันได้ และโซฟานั่งเล่นชิล ๆ มีทั้งมุมผ่อนคลาย มุมทำงาน มุมอ่านหนังสือ โดยแต่ละโต๊ะเก้าอี้มีการจัดวางเว้นระยะห่างชัดเจน เหมาะแก่การใช้ชีวิตแบบNew Normal ได้เป็นอย่างดี ภายในมีเสียงเพลงบรรเลงคลอเบา ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในร้านกาแฟสุดเก๋ ให้คุณได้ใช้จิตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจต่าง ๆ ได้ ณ ที่แห่งนี้
4. Grand Stair บันไดวนสุดคลาสสิค
สัมผัสกลิ่นอายสถาปัตยกรรมสไตล์อังกฤษ เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีเสน่ห์ของความโมเดิร์นคลาสสิค สามารถถ่ายทอดเรื่องราวในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมของอังกฤษได้เป็นอย่างดี นั่นคือการออกแบบบันได้วน (Grand Stair) เชื่อมพื้นที่ส่วนกลางระหว่างชั้น 1 และ 2 ด้วยการใช้กระเบื้องแกรนิตลายหินอ่อนและวัสดุสีเข้มเข้ามาตกแต่ง ทอดตัวยาวโค้งมนอย่างเรียบง่ายและสวยงาม บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของการผสมผสานของสไตล์โมเดิร์น และคลาสสิกได้อย่างชัดเจน โดยรอบใช้กระจกทรงสูงทั้งหมดเพื่อเปิดรับมุมมองภายนอก และให้แสงสว่างเข้าได้เต็มที่ นับเป็นมุมถ่ายรูปสุดคลาดสิคของที่นี่
5. Co-Kitchen พื้นที่ครัวส่วนกลางสำหรับปาร์ตี้ขนาดย่อม
ตอบโจทย์ยุคแห่ง Co-Space พื้นที่ส่วนกลางที่กำลังเป็นที่นิยม ด้วยมุม Co-Kitchen พื้นที่ครัวขนาดย่อมที่น้อยโครงการจะทำออกมาได้คลาสสิคและดูเก๋มีสไตล์ ทำให้ทุกการประกอบอาหารเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะปาร์ตี้ หรือสังสรรค์กับเพื่อน ก็ทำให้มื้อพิเศษของคุณสนุกสนานยิ่งขึ้น ตั้งอยู่ชั้นล่างไม่รบกวนลูกบ้านท่านอื่น
6. Swimming & Fitness Zone สร้างพลังให้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัด
การว่ายน้ำ – คือวิธีออกกำลังกายที่ดีและสนุกที่สุด วลีสุดคลาสสิคที่หลายคนคงเคยได้ยิน ด้วยการใช้น้ำในการช่วยบำบัดความเมื่อยล้าจากสิ่งที่เราเผชิญในแต่ละวัน เพื่อให้เกิดความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย พร้อมกลับไปลุยงานวันถัดไป ทำให้สระว่ายน้ำกลายเป็นหนึ่งหัวใจของการใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียม ที่นี่คุณสามารถสร้างพลังให้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัดด้วยพื้นที่สระ Outdoor ขนาด 9 x 25 เมตรบนชั้น 2 แยกเป็นสระเด็กและสระผู้ใหญ่ บริเวณโดยรอบสระว่ายน้ำจะมีต้นไม้ล้อมรอบอยู่ พร้อมกับมีเตียงผ้าใบให้นอนพักผ่อนริมสระได้ รวมถึงพื้นที่ออกกำลังกายขนาดใหญ่ที่จัดวางเครื่องออกกำลังกายเป็นสัดส่วน หรือสำหรับใครที่ชื่นชอบการวิ่งในสวน บนชั้น 26 ยังมีลู่วิ่งลอยฟ้าขนาดกว่า 200 เมตร ให้คุณได้ออกกำลังกายและดื่มด่ำกับวิว360องศา
นอกจากพื้นที่สวนกลางเต็มรูปแบบทั้ง 3 ชั้นแล้ว รูปแบบการดีไซน์ห้องพักอาศัยยังเน้นถึงการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ ด้วยความสูงจากพื้น-เพดานถึง 3 เมตร พร้อมเฟอร์นิเจอร์ไม้บิ้วอินอย่างครบครัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมือง และการใช้ชีวิตแบบ New Normal สะท้อนความมีระดับในแบบฉบับอังกฤษ 𝐊𝐧𝐢𝐠𝐡𝐭𝐬𝐛𝐫𝐢𝐝𝐠𝐞 𝐂𝐨𝐥𝐥𝐚𝐠𝐞 𝐑𝐚𝐦𝐤𝐡𝐚𝐦𝐡𝐚𝐞𝐧𝐠
𝟏𝟑-𝟏𝟒 มิ.ย.นี้ 𝐄𝐱𝐜𝐥𝐮𝐬𝐢𝐯𝐞 𝐓𝐞𝐚 𝐓𝐢𝐦𝐞
𝐒𝐓𝐀𝐘 𝐂𝐋𝐀𝐒𝐒𝐘 ‘‘𝐓𝐡𝐞 𝐍𝐨.𝟏 𝐑𝐮𝐥𝐞 𝐎𝐟 𝐋𝐢𝐯𝐢𝐧𝐠 ’’
สถาปัตยกรรม 𝐂𝐨𝐥𝐥𝐚𝐠𝐞 𝐀𝐫𝐭 แห่งเดียว พร้อมเพดานสูง 𝟑 เมตร
เพียง 𝟏𝟎𝟎 𝐌. ถึง 𝐌𝐑𝐓 หัวหมาก เริ่มเพียง 𝟐.𝟒𝟗 ล้าน*
คลิก สัมผัสความงดงาม https://bit.ly/2MjtR5e
#𝐊𝐧𝐢𝐠𝐡𝐭𝐬𝐛𝐫𝐢𝐝𝐠𝐞 #𝐂𝐨𝐥𝐥𝐚𝐠𝐞 #ความงามที่ต้องมาสัมผัส #สุนทรีย์ภาพแห่งการใช้ชีวิต #𝐁𝐫𝐢𝐭𝐢𝐬𝐡𝐒𝐭𝐲𝐥𝐞 #อยู่เมืองดัดจริตชีวิตต้องมีคลาส